ความท้าทาย 9 บทเพลงสรรเสริญและสุภาษิต

สดุดีเป็นพระธรรมที่มีความหลากหลายอย่างเห็นได้ชัด มีทั้งคำสรรเสริญที่มีชีวิตชีวา คำอ้อนวอนอย่างเร่งรีบ การพร่ำบ่น และความปรารถนาที่รอคอยการตอบสนอง มีหลายประเด็นที่ชี้ไปถึงสิ่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนพระธรรมสุภาษิตให้แนวทางการดำเนินชีวิตอย่างคนมีปัญญา และแนะนำให้เรารู้จักพระปัญญาของพระเจ้าที่พระคัมภีร์ฉบับพันธสัญญาใหม่หยิบยกมาใช้เพื่ออ้างถึงพระเยซู ข้อพระธรรมที่ Big Bible Challenge ได้คัดเลือกมาเป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนจากพระคัมภีร์เท่านั้น

 

 

แม้ว่าพระธรรมสดุดีจะเป็นการที่มนุษย์ตอบสนองต่อพระเจ้า แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ได้ยินคำตรัสของพระเจ้าในนั้นเลย เพราะพระเจ้าเองทรงเป็นผู้ที่ปลุกเร้าให้เกิดการสรรเสริญ เป็นผู้ตอบที่ทุกคำอ้อนวอน และเป็นผู้ที่รับรู้ทุกทำพร่ำบ่นของเรา พระธรรมสดุดีเป็นแบบอย่างของบทสนทนาระหว่างเรากับพระเจ้า เป็นถ้อยคำที่เราใช้พรรณาถึงความรู้สึกส่วนตัวของเรา

 

ในสดุดี 23 ดาวิดใช้ประสบการณ์ส่วนตัวของท่านในฐานะคนเลี้ยงแกะมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงธรรมชาติของความเป็นพระเจ้าและพระลักษณะของพระองค์ ท่านแสดงออกถึงความมั่นใจในพระเจ้าผู้ทรงเฝ้าดูและห่วงใยคนของพระองค์เสมอ

 

สดุดี 51 เป็นการตระหนักถึงความล้มเหลวอย่างจริงใจที่สุดเท่าที่เรามี เป็นการสำนึกว่าความบาปทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผิด และไม่ใช่แค่ผิดต่อผู้อื่นเท่านั้น แต่ผิดต่อพระเจ้าด้วย โดยการแสวงหาความเมตตาและการยกโทษจากพระเจ้า ดาวิดก็กำลังประกาศให้รู้ถึงความดีงามของพระเจ้า
สดุดี 103 คือถ้อยคำที่ท่วมท้นออกมาจากใจของดาวิดที่มีต่อพระลักษณะอันงดงามในด้านต่างๆ ของพระเจ้า ทั้งการให้อภัย การเยียวยารักษา การไถ่ การสร้างขึ้นใหม่ การเปิดเผย ความห่วงใย ความรักที่ไม่สิ้นสุด ความสัตย์ซื่อ และการปกครอง

 

พระธรรมสุภาษิตมีถ้อยคำแห่งปัญญาที่จะนำเราไปสู่ทางของพระเจ้า สุภาษิตแนะนำให้เรารู้จักกับปัญญาที่ป่าวร้องเรียกทุกคนที่พร้อมจะฟัง (สุภาษิต 1:20) และเชิญชวนให้เขาแบ่งปันสิ่งดีที่เกิดจากปัญญาซึ่งพบได้ในพระเจ้า เป็นสติปัญญาในภาคปฏิบัติที่เข้าถึงทุกแง่มุมของชีวิตที่ดำเนินอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เมื่อเราดำเนินชีวิตตามสุภาษิตเหล่านี้ เราชื่นชมยินดีในการปกป้องให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายและผลที่ตามมา แต่จะได้รับความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี


 

เชื่อมโยง: เรื่องราวทั้งห้าในความท้าทายนี้

เรื่องราวทั้งห้าที่เราได้อ่านในความท้าทายนี้จะช่วยให้เรารู้จักบทเพลงสดุดีและสุภาษิตในพระคัมภีร์ เริ่มอ่านจากเรื่องที่สนใจก่อนโดยไม่ต้องเรียงตามลำดับ แล้วคุณจะพบว่าวิธีนี้ช่วยได้มาก หากคุณสำรวจความท้าทายนี้ในแบบของคุณเอง ลองอ่านสดุดีและสุภาษิตควบคู่ไปกับเรื่องราวในความท้าทายที่ 7 และ 8 จะช่วยให้เด็กพบจุดเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ บุคคล บทเพลง และถ้อยคำแห่งปัญญา

 

ถ้าคุณเริ่มต้นด้วย ‘เรื่องหลัก’ จากหนังสือ Big Bible Challenge คุณจะพบกับคำอธิษฐานที่ทรงพลังที่สุดที่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ดาวิด คนเลี้ยงแกะ พระราชา ถูกเจิมไว้ตั้งแต่เด็ก เผชิญหน้ากับยักษ์โกลิอัทและเอาชนะได้ และพาอิสราเอลรบชนะในสงครามนับครั้งไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้น ท่านก็ทำให้ตัวเองผิดหวัง ทำให้ประชาชนของท่านผิดหวัง และทำให้พระเจ้าผิดหวัง เรื่องความสัมพันธ์ของท่านกับนางบัธเชบา ด้วยใจที่สำนึกผิด ดาวิดได้กล่าวคำอธิษฐานดังที่บันทึกไว้ในสดุดี 51 (คุณสามารถอ่านพระธรรมตอนนี้ควบคู่ไปกับเรื่อง ‘ดาวิดเสียใจ’ ในความท้าทายที่ 8)

 

ในสดุดี 23 ดาวิดทำให้เห็นภาพที่ทรงพลังอย่างต่อเนื่อง พระราชาทรงเรียกพระเจ้าว่าคนเลี้ยงแกะ เหตุที่ท่านรับรู้พระเจ้าเช่นนี้ได้ เพราะท่านเคยเป็นคนเลี้ยงแกะมาก่อน บทเพลงนี้ทำให้เราเห็นความมั่นใจที่ดาวิดมีต่อพระเจ้าอย่างชัดเจน (คุณสามารถอ่านพระธรรมตอนนี้ควบคู่ไปกับเรื่อง ‘ดาวิดกับโกลิอัท’ ‘ดาวิดกับซาอูล’ แล ‘กษัตริย์ดาวิด’ ในความท้าทายที่ 7)

 

สดุดี 103 เต็มด้วยถ้อยคำที่พรรณาถึงความรักของพระเจ้า พระคุณ ความห่วงใย และการให้อภัย เป็นบทเพลงสรรเสริญที่กลั่นออกมาจากใจที่ขอบพระคุณ

 

ซาโลมอน ลูกชายของดาวิด ได้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ต่อจากพ่อ ท่านรักพระเจ้าในช่วงต้นของการครองราชย์ พระเจ้าทรงประทานสติปัญญาให้แก่ซาโลมอน รวมถึงถ้อยคำแห่งปัญญามากมายที่บันทึกไว้ในหนังสือสุภาษิต (คุณสามารถอ่านพระธรรมตอนนี้ควบคู่ไปกับเรื่อง ‘ปัญญาของซาโลมอน’ ในความท้าทายที่ 8)

 

 


 

ใคร่ครวญ: ความท้าทายนี้มีความหมายอย่างไรในปัจจุบัน

หนึ่งในเรื่องดีที่เป็นประโยขน์มากๆ ของการได้เป็นครอบครัวของพระเจ้า คือ การได้มีประสบการณ์ในเส้นทางแห่งความเชื่อร่วมกับผู้เชื่อที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าเรา สดุดีช่วยสร้างจุดเชื่อมโยงนี้ให้กับเรา บางครั้งเราไม่รู้ว่าควรจะพูดกับพระเจ้าอย่างไรถึงสิ่งดีที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา สดุดีจะมีถ้อยคำที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้น ลองพูดคุยกับเด็กที่คุณสอนถึงความรู้สึกบางอย่างที่เขาพบเจอในแต่ละวัน ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไป บางครั้งเรามีความสุข เรากระโดดโลดเต้น บางครั้งเราหวาดกลัว วิตกกังวล ซาบซึ้งใจ เสียใจ ฯลฯ ทำให้เด็กเห็นว่าหนึ่งในเป้าหมายที่เราอ่านสดุดี ก็เพื่อจะรู้ว่าคนอื่นๆ ที่มีความรู้สึกแบบเดียวกับเรา เขาตอบสนองต่อพระเจ้าอย่างไร วิธีนี้จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจมากขึ้น

 

ตัวตนที่แท้จริง

บางครั้งเราคิดว่าเราไม่สามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาต่อหน้าพระเจ้าได้ เราจึงพยายามปิดบังความคิดที่แท้จริงของเราไว้ พระธรรมสดุดีเขียนโดยคนที่พูดในสิ่งที่คิดจริงๆ ขณะที่อ่านสดุดี เราจะพบว่าผู้เขียนมีความเป็นตัวของตัวเอง จริงใจ และแสดงความรู้สึกจริงๆ ของมนุษย์ออกมา บางครั้งเพลงสดุดีก็พรั่งพรูความสุขและความชื่นบานออกมา บางช่วงเวลาของชีวิตที่คุณอยากจะสรรเสริญพระเจ้าในแบบที่พระองค์เป็น สดุดีก็เต็มไปด้วยถ้อยคำสรรเสริญที่จริงใจต่อพระเจ้าผู้ทรงห่วงใย มีหลายครั้งที่คำถามที่แสนเจ็บปวดถูกร้องทูลต่อพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์โดยตรง เราเองก็สามารถเปิดใจต่อพระเจ้าแบบนี้ได้เช่นกัน สิ่งที่อยู่ในมือของเรานี้ช่างเป็นแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยมที่จะอยู่เคียงข้างเราในทุกช่วงเวลาของชีวิต

 

ปัญญาที่ปฏิบัติได้จริง

ขณะที่สดุดีรวบรวมบทเพลงมากมายที่ดาวิด (และคนอื่นๆ ) ได้แต่งไว้ สุภาษิตก็เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยถ้อยคำแห่งปัญญาที่เขียนโดยซาโลมอนลูกชายของท่าน ในสุภาษิตมีคำแนะนำที่ดีๆ มากมาย และข้อแนะนำเชิงปฏิบัติที่จะช่วยเราในเรื่องความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและเพื่อนๆ รวมถึงการดำเนินชีวิตของเรา มีเรื่องที่น่าสนใจ มีการบันทึกว่า บิลลี่ เกรแฮม หนึ่งในนักประกาศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคนี้ ได้อ่านพระธรรมสุภาษิตอย่างสัตย์ซื่อวันละ 1 บทเป็นประจำทุกวัน (จำนวน 31 บทนั้นลงตัวกับเดือนที่มี 31 วันได้พอดี) วิธีนี้เป็นความคิดที่น่าสนใจที่จะเติมเราให้เต็มด้วยปัญญาจากพระเจ้าขณะที่เราดำเนินชีวิตและต่อสู้กับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา!

 

 

ไขข้อข้องใจ: คำถามที่เด็กๆ อาจถามเกี่ยวกับความท้าทายนี้

 พระเจ้าสามารถพรากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไปจากมนุษย์ได้ไหม? (สดุดี 51:11)

ขณะที่ดาวิดเขียนถ้อยคำเหล่านี้ลงในเพลงสดุดีของท่าน เป็นไปได้ว่าท่านกำลังนึกถึงวันที่ท่านถูกเจิมโดยซามูเอลต่อหน้าบรรดาพี่น้องของท่าน ‘แล้วพระ‍วิญ‌ญาณของพระ‍ยาห์‌เวห์ทรงสวมทับดาวิด’ (1 ซามูเอล 16:13) แต่ถัดไปอีกเพียงข้อเดียวซามูเอลก็บันทึกว่า ‘พระ‍วิญ‌ญาณของพระ‍ยาห์‌เวห์ทรงละจากซา‌อูล’ ดาวิดอาจฝังใจกับเหตุการณ์นี้ และสิ่งที่ดาวิดกลัวในข้อ 11 อาจเป็นเพราะท่านกลัวว่าความบาปของท่านจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน และท่านจะถูกแยกจากพระเจ้า

 

เป็นธรรมดาที่ดาวิดจะกังวล เพราะท่านไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้า และนาธันบอกท่านว่าพระเจ้าทรงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว! ดาวิด ‘ไม่สมควร’ ได้รับการยกโทษ ทำไมพระเจ้าควรจะสำแดงความเมตตาต่อท่านอีก? เมื่อท่านเลือกที่จะทำตามใจตัวเอง โดยไม่สนใจใจสิ่งที่พระเจ้าสั่งสอนและสำแดงแก่ท่านเลย แต่ถึงกระนั้น ดังที่นาธันได้อธิบายไว้ใน 1 ซามูเอล 12 (ดูความท้าทายที่ 8) พระเจ้าทรงยกโทษให้ดาวิด เมื่อท่านตระหนักว่าท่านไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้าและแสดงให้เห็นว่าท่านเสียใจมากเพียงไร

 

พระเยซูทรงสัญญาแก่มิตรสหายและบรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์ว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตอยู่กับเราตลอดไป (ยอห์น 14:14-16) เปาโลบอกว่าไม่มีสิ่งใดจะแยกเราให้ขาดจากความรักของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ได้ (โรม 8:37-39 ดูความท้าทายที่ 17) สิ่งเหล่านี้หนุนใจให้เราติดตามพระเจ้าและดำเนินชีวิตในทางของพระองค์ แทนการรับผลกระทบที่เกิดจากการไม่เชื่อฟัง

 


คุย: กับพระเจ้า

เพลงสดุดีและถ้อยคำแห่งปัญญา (สุภาษิต) กล่าวยกย่องสรรเสริญและรับรู้ถึงความเป็นพระเจ้า เป็นการขอบพระคุณในความดีงาม ความเมตตา และความล้ำเลิศของพระเจ้า

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับโลกของพระองค์ นำถ้อยคำจากสดุดี 24:1 มาอ่านออกเสียงทีละบรรทัด สลับกันไป

โลกและทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า

โลกและทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า

คุณพ่อ คุณแม่ และลูกๆ เป็นของพระเจ้า

โลกและทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า

แมว สุนัข และหนูเจอร์บิล เป็นของพระเจ้า

โลกและทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า

พี่สาว น้องสาว พี่ชาย น้องชาย เป็นของพระเจ้า

โลกและทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า

คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และพี่เลี้ยง เป็นของพระเจ้า

โลกและทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า

เพื่อนๆ เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนบ้าน เป็นของพระเจ้า

โลกและทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระเจ้า

 (จาก คริสตจักรสำหรับทุกวัย Scripture Union 1993 op)