เรื่องราวที่ 59 ชาวสะมาเรียใจดี
![]() |
คุณเคยใช้ข้ออ้างเหล่านี้บ้างไหม? • ฉันยุ่งเกินไป ในปี 2006 Mike Golding ยอมทิ้งโอกาศที่เขาจะได้เป็นแชมป์โลกในการแข่งเรือใบชนิดมือเดียว เพราะเขาต้องการที่จะเข้าไปช่วย Alex Thomson ผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่งซึ่งเรือกำลังจมลง หลังจากนั้น Alex พูดว่า "ผมดีใจมากๆ ที่ Mike หันเรือกลับมาช่วยผม" คุณคิดว่า Mike ทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? หรือเขาควรจะมุ่งหน้าต่อไปเพื่อรักษาชัยชนะของตนไว้? ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น? มีบางคนที่ตั้งเป้าไว้ว่า ในหนึ่งวัน เขาจะทำสิ่งดีกับผู้อื่นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง คุณทำแบบนั้นบ้างได้ไหม? |
เรื่องมีอยู่ว่า...พระเยซูนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะอาจารย์ผู้สั่งสอนเรื่องของพระเจ้า มีผู้คนจำนวนมากเชื่อและติดตามพระองค์ แต่ก็มีอีกมากที่ไม่พอใจกับถ้อยคำเหล่านั้น บางครั้งคนกลุ่มนี้พยายามจะถามคำถามที่เป็นไปไม่ได้ที่จะตอบเพื่อจะจับผิดพระองค์ นั่นคือเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในพระธรรมต่อไปนี้ |
ลูกา 10:25-37 ชาวสะมาเรียใจดี |
แล้วมีอะไรต่อ...พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่าชายคนนั้นตอบสนองต่อไปอย่างไรหลังจากพระเยซูเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง คุณคิดว่าเขาตอบสนองอย่างไร? |
มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งยืนขึ้นทดสอบพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์?” พระองค์ตรัสตอบว่า “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?” เขาทูลตอบว่า “พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต”
แต่คนนั้นต้องการจะรักษาหน้า จึงทูลพระเยซูว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?” พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น พวกโจรแย่งชิงเสื้อผ้าของเขา ทุบตีเขา แล้วทิ้งเขาไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินมาตามทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นแล้วก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง คนเลวีก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น เห็นแล้วก็มีใจสงสาร จึงเข้าไปหาเขา เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผลและเอาผ้ามาพันให้ แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเองพามาถึงโรงแรม และดูแลรักษาพยาบาลเขา วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’ ท่านเห็นว่าในสามคนนั้นคนไหนถือได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น?” เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”
|
![]() |
สำรวจพระคัมภีร์• คนเราจะมีชีวิตนิรันดร์ได้อย่างไร? • คุณชอบตอนไหนของเรื่องนี้มากที่สุด? เพราะอะไร? • คนไหนในเรื่องนี้ที่เป็นแบบอย่างแก่เรา? เมื่อพระเยซูตรัสว่า "ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น" พระองค์ทรงหมายความว่าอะไร? |
รู้หรือไม่ว่า...ชาวสะมาเรีย ชาวยิวและชาวสะมาเรียอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ กัน แต่ทั้งสองก็เป็นศัตรูกันมานับร้อยๆ ปีแล้ว ไม่มีใครที่ฟังเรื่องเล่าของพระเยซูแล้วจะคิดว่าเพื่อนบ้านใจดีที่ช่วยเหลือคนเจ็บนั้นจะเป็นชาวสะมาเรีย พวกเขาคงจะประหลาดใจอย่างมากกับเตอนจบของเรื่องนี้ ดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า ในเรื่องนี้ นักเดินทางแต่ละเป็นตัวอย่างของสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ไม่ควรทำ พระเยซูบอกให้เราเป็นเหมือนนักเดินทางชาวสะมาเรีย ในแผ่นดินของพระเจ้า ผู้คนดูแลซึ่งกันและกัน และพวกเขายอมทิ้งแผนการของตนเองเพื่อผู้อื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ ชีวิตนิรันดร์ นี่คือชีวิตของพระเจ้า ที่มนุษย์สามารถแบ่งปันให้แก่กันและกันได้ด้วย การจะมีชีวิตนิรันดร์ได้นั้น คนๆหนึ่งจะต้องเชื่อและวางใจในพระเยซู ลองศึกษาพระคัมภีร์ให้มากขึ้นเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ในพระธรรมยอห์น 3:16; 10:28; 14:1-4; 14:6 |
![]() |
ลองทำดูสิ |
|
ถ้าหากพระเยซูเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังในยุคปัจจุบันนี้ คุณคิดว่าพระองค์จะเล่ามันอย่างไร ใครจะเป็นคนที่ถูกทำร้าย ใครจะเป็นคนที่ไม่หยุดช่วยเขา และใครจะเป็นเพื่อนบ้านใจดี ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาให้ความช่วยเหลือชายที่ถูกทำร้าย? จินตนาการเรื่องราวที่พระเยซูจะเล่า และวาดออกมาเป็นภาพเหตุการณ์ หรือถ่ายรูปทำเป็นหนังสือภาพโดยให้เพื่อนๆ ของคุณมาช่วยเป็นนักแสดงในทีมของคุณ ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าจะเริ่มเรื่องราวอย่างไร ให้ลองนึกถึงทีมกีฬาสองทีมที่เป็นคู่ปรับกัน มีแฟนของทีมหนึ่งถูกทำร้ายและถูกทิ้งไว้ข้างทาง ชายสองคนเดินผ่านมาแต่ไม่ลงมือช่วยเหลือเขา ทว่าเมื่อแฟนของอีกทีมที่เป็นคู่ปรับกันเดินผ่านมาก กลับเข้าไปช่วยเหลือชายคนนั้น |
![]() |
พูดคุยกับพระเจ้าถามพระเจ้าว่า พระองค์ต้องการให้คุณช่วยเหลือใครในวันนี้ |