โค้ชพระคัมภีร์คือใคร?
ใครเป็นโค้ชพระคัมภีร์ได้บ้าง? ถ้าคุณเป็น... พ่อหรือแม่ คนในครอบครัว พ่อหรือแม่ทูนหัว เพื่อนที่อายุมากกว่า ผู้ดูแล ครูรวี คนทำงานกับเด็ก ผู้นำในคริสตจักร ครู นักเรียนมัธยมหรือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่อายุมากกว่า คนที่ตื่นเต้นกับพระคัมภีร์ คนที่อยากให้คนอื่นตื่นเต้นไปด้วย
...คุณก็เป็นโค้ชพระคัมภีร์ของ Big Bible Challenge ได้! คุณอาจคิดว่า คำว่า "โค้ช" ฟังดูยาก แต่เรากำลังพูดถึงคนที่อยู่เคียงข้างคนอื่น เพื่อนที่มา "เดิน" ไปด้วยกัน ปล่อยให้เขาเล่าเรื่อง และช่วยในส่วนที่เขาไม่เข้าใจ เพื่อให้เขาหาคำตอบด้วยตัวเองได้ "การพบกัน" นี้การเป็นแบบหน้าต่อหน้า เวลาที่โค้ชพระคัมภีร์กับเด็กมานั่งอ่านพระคัมภีร์ด้วยกัน หรือจะเป็นการพบกันผ่านทางโทรศัพท์ เมสเซจ อีเมล์ วีดีโอคอล แชท หรือทางไปรษณีย์ก็ยังได้ คุณอาจอยากเรียกตัวเองว่า ไกด์ พี่เลี้ยง เพื่อน หรืออย่างอื่นก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ในการศึกษาสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสและสอนด้วยกันต้องดี
|
WHO CAN BE A BIBLE COACH? Are you … A parent Another family member A godparent An older friend A carer A children’s group leader A children’s worker A church leader A teacher An older high school or university student Someone who gets excited about the Bible Someone who wants others to share that excitement
… then being a Big Bible Challenge Bible Coach could be for you! You may find the word ‘coach’ rather daunting but what we’re talking about is a person who comes alongside someone, a companion who ‘walks’ with them, lets them tell their story, and helps them with the bits they do not understand, so that they find their own answers. It is a ‘meeting’ that may happen face-to-face as the Bible Coach and child sit together and read the Bible. But it may just as readily take place by phone, text messaging, email, online voice or video calls, online chat – or even by post. You may prefer to call yourself a guide, a mentor, a buddy, a friend or something else entirely, but the important thing is the strength of the relationship between the child and the adult as you explore what God has to show and say to you, together.
|
การปกป้องเด็ก ถ้าคุณรับบทบาทเป็นโค้ชพระคัมภีร์ แต่ไม่ได้เป็นพ่อหรือแม่ของเด็ก หรือไม่ได้เป็นผู้ปกครองแทนพ่อแม่ จำไว้ว่าความไว้เนื้อเชื่อใจของคุณอยู่นอกเหนือ "ชั่วโมง" ศึกษาพระคัมภีร์ด้วย น่าเศร้าที่ในโลกปัจจุบัน ผู้ใหญ่ที่สนใจเด็กเป็นระยะเวลายาวๆ มักถูกมองด้วยความระแวง เราต้องระมัดระวังและมั่นใจว่าความสัมพันธ์นี้จะถูกต้องเหมาะสมตลอดเวลา ซึ่งเป็นการปกป้องตัวเด็กและตัวโค้ช และช่วยให้ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้อันมีค่าสามารถพัฒนาต่อไปได้ จงทำสิ่งที่ทำอย่างเปิดเผย อย่าทำอะไรลับๆ ล่อๆ น่าสงสัยหรือในที่ลับตาคน เคารพพ่อแม่ของเด็กและอย่าทำอะไรที่เป็นการบ่อนทำลายบทบาทและสิทธิอำนาจของพวกเขา การสื่อสารและการติดต่อโดยตรงกับเด็กทุกครั้ง ต้องมีความโปร่งใสและถูกต้องเหมาะสม และต้องอยู่ภายใต้นโยบายการปกป้องเด็กของประเทศ และ/หรือ |
SAFEGUARDING CHILDREN If you take on the role of Bible Coach and you are not the child’s parent or in a parental relationship, do remember that you are in a position of trust that continues outside the period of the coaching ‘meetings’. Sadly, an adult taking an ongoing interest in a child today can easily be viewed with suspicion. Every care must be taken to ensure the integrity of this relationship at all times, thus protecting the child and the coach and allowing a valuable coaching journey to develop. Be open about what you are doing and do not do anything secretly, privately or exclusively. Respect the child’s parents and don’t do anything to undermine their role or authority. Any communication or direct contact with a child needs to be characterised by transparency and integrity and must operate within your national and/or church policies on safeguarding children. |
ทำไมต้องมีโค้ชพระคัมภีร์สำหรับเด็ก? เทอร์รี่ วิลเลี่ยมส์ ผู้ประสานงานพันธกิจเด็กของ Scripture Union International ให้ข้อคิดจากการเป็นพี่เลี้ยงและโค้ชเด็กและเยาวชนนับร้อยๆ คนว่า เช้านี้ผมอ่านพระคัมภีร์เรื่องแซมสันหยิบกระดูกขากรรไกรลาขึ้นมาและฆ่าคน ตอนนั้นเองที่ผมคิดได้ว่า แล้วเด็กๆ จะคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อย่างไร ถ้าต้องนอนคิดคนเดียวตามลำพังในห้องของตัวเอง? บางคนอาจจะมีพ่อหรือแม่เป็นคริสเตียนที่อาจจะช่วยคิดได้ แต่หลายคนไม่มี ให้เราใคร่ครวญเรื่องชาวเอธิโอปที่อ่านพระคัมภีร์ระหว่างนั่งรถม้ากลับจากเยรูซาเล็ม...
อีกเรื่องคือเรื่องสาวกสองคนที่กำลังเดินทางไปเอมมาอูส พวกเขาคุยกันและพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เห็น จนเมื่อมี "คนแปลกหน้า" เดินมาข้างๆ และ "อธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง" ใช้เวลาด้วยกันและรับประทานอาหารร่วมกัน พวกเขาจึงรู้ว่าพระองค์เป็นใคร ตาของพวกเขาก็เปิดออกและเข้าใจว่าใครคือคนที่เดินมาด้วยกัน และเพราะเหตุใดใจของพวกเขาจึง "รุ่มร้อน" พระคัมภีร์เป็นหนังสือสำหรับชุมชนผู้เชื่อ และการทำความเข้าใจพระคัมภีร์ด้วยกันเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงประสง์ให้ทำเมื่อพระองค์ประทานพระคัมภีร์ให้กับชุมชนผู้เชื่อของพระองค์ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและอบอุ่นเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อเราศึกษาเรื่องราวที่แปลกประหลาดหรือบางครั้งก็น่ากลัว เมื่อเราอยากถามคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับชีวิต เมื่อเราอยากหัวเราะหรือร้องไห้ หรือเมื่อเราแค่อยากจะนั่งคิดใคร่ครวญ แต่ไม่ใช่ตามลำพัง เด็กๆ มักรู้สึกว่าการอ่านพระคัมภีร์เป็นเรื่องยาก พวกเขามักปฏิเสธพระคัมภีร์ง่ายๆ โดยอ้างว่าพระคัมภีร์ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตจริง ไม่มีเรื่องใดในพระคัมภีร์ที่พวกเขาจะรู้สึกร่วมได้ พระคัมภีร์เป็นเรื่องของคนที่ไม่เหมือนพวกเขา เรื่องราวในพระคัมภีร์ครอบคลุมทั้งระยะเวลาหลายศตวรรษ ทั้งสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่แตกต่างกันมากมาย ในพระคัมภีร์เต็มไปด้วยชื่อแปลกๆ ค่านิยมและธรรมเนียมทางสังคมและศาสนาที่ประหลาดๆ เด็กๆ จับต้นชนปลายสิ่งที่เกิดขึ้นทางการเมืองในส่วนที่เป็นประวัติศาสตร์ไม่ถูก ดูเหมือนคุณต้องเป็นพวกจิตไม่ปกติที่ชอบทำร้ายตัวเองจึงจะเข้าใจเรื่องพวกนั้นได้ เรื่องจะให้มองตัวเองในเรื่องราวเหล่านั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่น่าสนใจ ไม่เกี่ยว ไม่ใช่พวกเขา แล้วอะไรจะช่วยเด็กๆ ให้ตื่นเต้นกับพระคัมภีร์ ให้อ่านและเข้าใจและนำมาใช้ในชีวิตของตัวเองได้? ปัจจัยสำคัญคือ การได้คุยกับผู้ติดตามพระคริสต์คนอื่น พวกเราส่วนใหญ่คงเคยเห็นความกระตือรืนร้นในตัวเด็กๆ ที่มาจากการได้รับการหนุนใจจากผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงเป็นใย Big Bible Challenge หนุนใจให้คริสเตียนที่โต อีกสิ่งที่สำคัญและเร่งด่วนไม่แพ้กันคือ การอยู่เคียงข้างเด็กๆ ช่วยพวกเขาใคร่ครวญสื่อและสารต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตประจำวันตามหลักพระคัมภีร์ อะไรคือ "ความจริง" ในยุคนี้และจะหาความจริงนี้ได้ที่ไหน? ท่ามกลางชีวิตที่ไม่ยุติธรรม โลกที่ให้ความสำคัญกับการทำตามใจและการหาประสบการณ์ที่บั่นบอนคุณค่าของตัวเอง และครอบครัวที่ไม่มีเวลาหรือไม่สมบูรณ์เกินกว่าจะมาคอยเสริมสร้างความเชื่อ เด็กๆ ของเรากำลังมองหาความช่วยเหลือ เราต้องการให้เด็กๆ รู้จักสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ ยอมให้พระคัมภีร์กำหนดความเชื่อและการกระทำเพื่อจะได้เติบโตเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ และเป็นผู้รับใช้ในโลกที่กำลังขาดแคลน |
WHY DO CHILDREN NEED A BIBLE COACH? Terry Williams, Children’s Ministry Coordinator for Scripture Union International, shares a few of the nuggets of wisdom he has gathered as he has mentored and coached hundreds of children and young people. This morning I read in my Bible the story of Samson picking up the jawbone of an ass and slaughtering 1,000 Philistines. Not quite the inspiring start to the day I was hoping for and I soon looked for someone to talk with about this reading to explore some of the questions that arose in my mind. Last week, I was reading about Ananias and Sapphira dropping dead because they were a little too liberal with the truth. Again, I sought out some friends to help me reflect on my understanding of God and his character in the light of this incident. And then it struck me – how would a child process this information, while lying on their bed alone in their room? While some may have the benefit of a Christian parent who may be able to process this, many do not. Consider again the Ethiopian returning home to Jerusalem in his chariot and reading the Scriptures…
Consider also the two disciples walking side by side on the road to Emmaus, discussing and trying to make sense of all they had seen. It wasn’t until a ‘stranger’ fell into step with them and ‘explained everything written about himself in the Scriptures’, spent time with them and shared in a fellowship meal that they knew who he was, their eyes were opened and they understood who it was who walked with them and why their hearts were ‘warm’. The Bible is the book of the faith community and trying to understand the Bible together is what God intended when he gave the Bible to the community of his people. Close, warm relationships are vital when we are exploring strange, sometimes threatening territory, when you want to ask some of life’s biggest questions, when you want to laugh or cry, or when you simply want to sit and wonder, but not alone. Children often find it hard to read the Bible. They focus on how easy it is to reject the Bible as having nothing to do with real life: there is not enough in it that is identifiably related to them; it’s about people who are different. The Bible spans different centuries, countries and climates. It’s full of wacky names, values, social and religious customs. Children can’t make head or tail of what’s happening on the political scene in the historical bits. It seems as if you would have to be a masochistic mental contortionist to make any sense of it at all, let alone see yourself reflected in its stories. Not attractive, not relevant, just not them. So, what could help children to be excited about the Bible, to handle it, to understand it and to relate it to their own lives? A key factor – perhaps the key factor – is being connected with another follower of Jesus. Most of us would have seen at some stage a glimmer of the motivation in children that can result from caring, adult encouragement. Big Bible Challenge encourages older Christians to make a commitment to journey with a child and provides the tools to help a child open the pages of their Bible and explore their life experiences. Just as important, is the urgent need to come alongside our children to help them reflect biblically on the multitude of voices and messages with which they are bombarded each day. What is ‘truth’ in a postmodern generation and where can it be found? In the midst of life that is unfair, a world that promotes self-indulgence, experiences that undermine self-worth and, sadly, families that are too busy or too dysfunctional to nurture faith, our children are looking for help. We want children to know the authority of the Bible, to allow it to shape their beliefs and actions and so to grow as disciples of Jesus and as servants of a world in need. |